มนุษยสัมพันธ์ในการทำงาน
มนุษยสัมพันธ์ โดยทั่วไปแล้วมนุษยสัมพันธ์ในการทำงานภายในหน่วยงานหรือองค์กรต่าง
ๆ หรือแม้กระทั่งในครอบครัว เพื่อนฝูง การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีนั้นก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกันและกัน
ซึ่งหมายถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างบุคคล ระหว่างหมู่คณะ ระหว่างกลุ่ม
เพื่อเป็นการประสานถึงความต้องการ แรงจูงใจของบุคคลให้เป็นไปได้ตามความต้องการ
ประวัติความเป็นมาของ “มนุษย์สัมพันธ์”
มนุษยสัมพันธ์ "มนุษยสัมพันธ์ "
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Human Relations เป็นรวมกัน
คือคำประสมที่เกิดจากคำ 2 คำรวมกัน คือ มนุษย์ (Human)
และสัมพันธ์ (Relations)มนุษยสัมพันธ์เริ่มเด่นชัดกลางศตวรรษที่
19 คือ
เริ่มเปลี่ยนแนวคิดการบริหารมาให้ความสำคัญแก่ตัวบุคคลเมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันเป็น
"มนุษยสัมพันธ์"
จึงมีความหมายถึงการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างคนที่อยู่ร่วมกันและมีความเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน
ซึ่งเป็นความ หมายกลางๆ แต่ในเชิงวิชาการของศาสตร์สาขาต่างๆอย่างไรก็ดี โดยทั่วไปมนุษยสัมพันธ์
มักจะใช้ในความหมายที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์
และมักใช้ในความหมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ที่มา
(Thanika Busmogkhol, 2553 )
ความหมายของ
“มนุษยสัมพันธ์”
มนุษยสัมพันธ์
หมายถึง ความสัมพันธ์ในทางสังคมระหว่างมนุษย์ซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน ที่มา (พจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2525 : 402 )
การนำมนุษยสัมพันธ์มาใช้กับการทำงานของเลขานุการทางการแพทย์
เลขานุการทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย
เนื่องจากต้องมีการทำงานเกี่ยวกับเอกสารและการติดต่อประสานงาน ทั้งภายในองค์กร นอกองค์กร
รวมถึงข้อมูลภายในของผู้บังคับบัญชา และบุคคลภายนอก เพื่อรักษาผลประโยชน์ ความลับ
ขององค์กรในการทำงานนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น
และเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน
และการอยู่ร่วมกันภายในองค์กร ในการสร้างแรงจูงใจ
สร้างจิตสำนึกและทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน ให้การทำให้องค์กรสามารถขับเลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพที่ 1 มนุษยสัมพันธ์ในการทำงาน
ที่มา (Kannikar, 2555)
|
มนุษยสัมพันธ์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในทุกสังคมทุกสาขา
อาชีพ เพราะไม่ว่ามนุษย์เราจะทำการงานใด
ก็ต้องอาศัยมนุษยสัมพันธ์ที่เป็นเลิศเป็นองค์ประกอบด้วยกันทั้งนั้น มนุษยสัมพันธ์นั้นถือว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์
อันดี เพื่อให้เกิดความรักใคร่ นับถือ ความร่วมมือ ความจงรักภักดี
และความสำเร็จ เพราะถือว่าเป็นกระบวนการ จูงใจคน ให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้อย่างมีความสุข
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานให้เกิด ผลงานและ ทำให้ทุกฝ่ายมีความพอใจ
ในเรื่องเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์นั้น คนเราจะต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนว่า ทุกคนต้องเข้าใจศักดิ์ศรีของคน เพราะคนทุกคนต้องการความเคารพนับถือ และมี ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมและแรงจูงใจที่เป็นตัวกำหนดบุคคลในแต่ละกลุ่ม การแสดงออก การรวมกลุ่ม ความสัมพันธ์ของคน เรื่องประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยมทางสังคมของบุคคลและกลุ่มคนต่างๆ
ในเรื่องเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์นั้น คนเราจะต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนว่า ทุกคนต้องเข้าใจศักดิ์ศรีของคน เพราะคนทุกคนต้องการความเคารพนับถือ และมี ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมและแรงจูงใจที่เป็นตัวกำหนดบุคคลในแต่ละกลุ่ม การแสดงออก การรวมกลุ่ม ความสัมพันธ์ของคน เรื่องประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยมทางสังคมของบุคคลและกลุ่มคนต่างๆ
เมื่อต้องอยู่รวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก
โดยต่างคนมาจากต่างถิ่นต่างฐาน สิ่งแวดล้อม พื้นฐานทางสังคมที่แตกต่างกัน
ทุกคนจึงต้องพยายามเข้าใจถึงธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่อง ต่างๆ ด้วย เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ซึ่งอยู่บนพื้นฐานสำคัญดังที่จะกล่าวต่อไปนี้
คือ
1. มนุษย์มีความเหมือนกันและมีความแตกต่างกัน อัน ได้แก่ มนุษย์ทุกคนมีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกัน มีความต้องการตามธรรมชาติคล้ายๆ กัน แต่ในทางตรงข้ามกันนั้นก็คือ แตกต่างกันในด้านความสนใจ ความสามารถ ความต้องการทางสังคม ศักยภาพ สติปัญญา อารมณ์ นิสัย และอื่นๆ ด้วย ซึ่งเราที่ต้องอยู่ในสังคมหรือองค์กรนั้นๆ ต้องพยายามทำความเข้าใจและปรับปรุงพฤติกรรมบางอย่างให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ให้ ได้บ้าง
2. มนุษย์มีความต้องการของตนเอง อัน ได้แก่ คนทุกคนมีความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความต้องการทางร่างกายนั้นถือว่าเป็นความต้องการพื้นฐานในด้านการดำรงชีวิต เช่น ปัจจัย 4 ต่างๆ รวมทั้งความต้องการทางด้านกามารมณ์ สำหรับความต้องการทางด้านจิตใจก็คือ หากความต้องการทางด้าน ร่างกายถูกตอบสนองเพียงพอแล้ว ก็จะเริ่มแสวงหาความต้องการเพื่อสนองทางด้านจิตใจมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นความต้องการที่สร้างขึ้นมาใหม่เกิดขึ้นทีหลัง ความต้องการประเภทนี้มักมีนัยซ่อนเร้นอยู่ ทำให้บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างเสแสร้ง เราจึงต้องเรียนรู้
3. การรู้จักตนเอง หมาย ถึงว่า ก่อนที่จะสร้างสัมพันธ์กับคนอื่น เราควรที่จะต้องรู้จักตนเองให้ถ่องแท้เสียก่อน รู้จักความสามารถ สมอง และบุคลิกภาพเพื่อการปรับปรุงตนเอง เข้าใจถึงนิสัยและความสามารถของตน รวมทั้งรู้ข้อบกพร่องต่างๆ ของตัวเอง เพื่อจะได้ปรับปรุง ประมาณตน รู้จักการประนีประนอม รู้จักเหตุผล เพื่อที่จะทำงานกับคนอื่นได้อย่างกลมกลืนและราบรื่น เพราะการรู้จักตัวเองเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เพราะคนที่ไม่รู้จักตัวเองก็จะไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้อย่างถ่องแท้ และผู้ที่รู้จักตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถปรับปรุงตัวเองได้เป็นอย่างดี
4. การติดต่อสื่อสาร
เป็น วิธีการถ่ายทอดข่าวสารและความ เข้าใจไปยังบุคคลอื่น เพื่อการติดต่อสื่อสารสามารถทำได้ด้วย
การพูด การฟัง การใช้ภาษาท่าทาง ภาษาร่างกาย หรือ การติดต่อเป็น ลายลักษณ์อักษรด้วยเอกสารทางราชการ
วิธีการสื่อสารที่ดีนั้น ผู้ส่งข่าวสารต้องเลือกวิธีส่งให้ถูกต้องตรงเป้า
หมายที่เราจะสื่อสารด้วย และข่าวสารที่ส่งไปนั้นจะต้องถูกต้องเหมาะสมกับผู้รับที่เราต้องการจะสื่อ
สารด้วย ทั้งสองฝ่ายจึงต้องพยายามเข้าใจ
และเคารพในสิ่งที่จะสื่อสารกันอย่างให้เกียรติ ไม่ดูถูก ตำหนิ รู้จักเลือกเวลาในการสื่อสารที่ถูกต้อง รวมทั้งให้ความร่วมมือกันในการ ติดต่อสื่อสารเพื่อความ
เข้าใจที่ดีต่อกัน
5. การสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
เพราะ คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ทั้งระดับผู้ใต้บังคับบัญชา
เพื่อนร่วมงาน ผู้คับบัญชา จะทำให้งานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะการที่เราเป็นคนเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักให้เกียรติและเคารพสิทธิของ
จะสามารถชนะใจเพื่อนร่วมงานได้โดยง่าย วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่
เราต้องเข้าใจถึงวิธีการติดต่อ สื่อสารและวิธีการจูงใจ
เพื่อให้มิตรภาพนั้นเป็นไปด้วยดีตามที่ ต้องการ
6. การจูงใจ ใน การที่จะสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
จนกระทั่งก่อให้เกิดพฤติกรรมในรูปแบบที่เราต้องการให้เกิด การคล้อยตาม
การจูงใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่จะกระตุ้นเร้า ให้เกิดการตอบสนองมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้เกิดความสำเร็จ ให้เกิดการยอมรับ ซึ่งแรงจูงใจเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่เรา
ต้องการนั้น ควรที่จะให้ผู้ถูกจูงใจได้รับความพอใจด้วย
7. การบริหารงานนั้นการจูงใจอาจทำได้ด้วยการจัดงานที่เหมาะสม ให้มีการร่วมกันทำงานเป็นทีม การกระจายอำนาจ หน้าที่ความรับผิดชอบ บุคคลที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจะสามารถเป็นผู้ที่สร้างแรงจูงใจได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นคนที่ได้รับการยอมรับมากกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่รู้จักการสร้างแรงจูงใจและนำมาใช้ในการบริหารงานแทนการออกคำสั่งหรือ การลงโทษ ย่อมสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
มนุษยสัมพันธ์
10 ประการ
ทั้งหมดที่กล่าวไปแล้วนั้นเป็นการมีมนุษยสัมพันธ์ของบุคคล ที่อยู่ระหว่างเพื่อนร่วมงาน แต่ในส่วนของหัวหน้างานนั้นควรที่จะมีมนุษยสัมพันธ์ให้มากยิ่งกว่า เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ เต็มใจยอมรับเพื่อให้งานสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างราบรื่น ไม่มีคลื่นใต้น้ำคอยก่อกวน คือ
1. ยิ้มกับคนที่ต่ำกว่าและสูงกว่า
2. ทักทายปราศรัยกับบุคคลทั่วไป
3. แสดงความเป็นกันเอง ให้ความช่วยเหลือ
4. เรียกชื่อ จดจำได้อย่างแม่นยำ
5. พูดและกระทำการต่างๆ ด้วยใจจริง 6. รู้จักรับฟังให้ความสนใจในสิ่งที่คนอื่นพูดเสมอ
7. มีเมตตาธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
8. รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
9. พร้อมที่จะให้บริการแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ
10. พยายามชอบและให้ความสนใจคนอื่นมากๆ อย่าเอา ตัวเองเป็นที่ตั้งในทุกเรื่องราว
ที่มา (http://www.jobtai.com/learndetail.php?le_id=000033)
ทั้งหมดที่กล่าวไปแล้วนั้นเป็นการมีมนุษยสัมพันธ์ของบุคคล ที่อยู่ระหว่างเพื่อนร่วมงาน แต่ในส่วนของหัวหน้างานนั้นควรที่จะมีมนุษยสัมพันธ์ให้มากยิ่งกว่า เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ เต็มใจยอมรับเพื่อให้งานสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างราบรื่น ไม่มีคลื่นใต้น้ำคอยก่อกวน คือ
1. ยิ้มกับคนที่ต่ำกว่าและสูงกว่า
2. ทักทายปราศรัยกับบุคคลทั่วไป
3. แสดงความเป็นกันเอง ให้ความช่วยเหลือ
4. เรียกชื่อ จดจำได้อย่างแม่นยำ
5. พูดและกระทำการต่างๆ ด้วยใจจริง 6. รู้จักรับฟังให้ความสนใจในสิ่งที่คนอื่นพูดเสมอ
7. มีเมตตาธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
8. รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
9. พร้อมที่จะให้บริการแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ
10. พยายามชอบและให้ความสนใจคนอื่นมากๆ อย่าเอา ตัวเองเป็นที่ตั้งในทุกเรื่องราว
ที่มา (http://www.jobtai.com/learndetail.php?le_id=000033)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น